บอกลา “มอร์ฟีน” ด้วยวิทยาการระงับปวดมะเร็งเรื้อรังแบบใหม่


เพราะเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำในปัจจุบันทำให้ผู้ป่วยยุคนี้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บปวดอีกต่อไป ทั้งยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีในขณะรับการรักษาอีกด้วย จะขอนำท่านผู้อ่านมาพบกับคลินิกฝังเข็มและบำบัดความเจ็บปวดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อีกครั้งการกลับมาในครั้งนี้จะมาพร้อมกับเรื่องราววิทยาการระงับปวดโรคมะเร็งแบบใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายในการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่ต้องเผชิญกับอาการปวดอย่างรุนแรงอีกต่อไป

สำหรับการรักษาและประคับประคองผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะได้รับมอร์ฟีนเพื่อบรรเทาอาการปวดเรื้อรังที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งนี้มอร์ฟีนจัดเป็นยาเสพติดประเภทกดประสาทออกฤทธิ์กดสมองส่วนกลาง ทำให้สมองรับความรู้สึกทางด้านเจ็บปวดน้อยลงจึงช่วยระงับความเจ็บปวดได้ได้ แต่หากผู้ป่วยได้รับมอร์ฟีนอย่างต่อเนื่องแล้ว การใช้มอร์ฟีนในครั้งต่อๆ ไปจะต้องเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆ ผลข้างเคียงก็คือทำให้ผู้ป่วยเกิดภาพหลอนอยู่บ่อยครั้งและบั่นทอนสภาพจิดใจผู้ป่วยอีกด้วย

อ.นพ.มาร์วิน เทพโสพรรณ อาจารย์ประจำหน่วยระงับปวดฝ่ายวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคลินิกระงับปวด (Pain clinic) ตึก ภปร ชั้น 17 กล่าวว่า สืบเนื่องจากผลข้างเคียงที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตผู้ป่วยจากการใช้มอร์ฟีนนั้น คลินิกระงับปวดได้ริเริ่มการรักษาใหม่เป็นที่แรกในประเทศไทยเพื่อลดการให้มอร์ฟีนแก่ผู้ป่วย หรือให้มอร์ฟีนเป็นวิธีสุดท้ายที่จะเลือกใช้วิทยาการใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้ เพื่อระงับอาการปวดในผู้ป่วยมะเร็งเป็นวิธีที่คล้ายคลึงกับการระงับปวดครรภ์ระหว่างคลอดบุตร นั้นคือเทคโนโลยีฝังสายเพื่อให้ยา (มอร์ฟีนปริมาณต่ำ) ทางช่องไขสันหลังซึ่งเป็นจุดที่ทำให้มอร์ฟีนออกฤทธิ์ได้โดยตรง จึงสามารถลดปริมาณมอร์ฟีนลงจากการรับประทานเช่นเดิมได้ถึง 50-100 เท่า เหลือแค่เพียง 0.1 มิลลิกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าการให้ยาในตำแหน่งที่ถูกต้อง จะช่วยลดปริมาณการใช้ยาเกินจำเป็นลงได้นั่นเอง

เป้าหมายของหัตถการเพื่อระงับปวด คือ การมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดเพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากอาการปวดอย่างรุนแรงอีกต่อไป 

ปัจจุบันอุปกรณ์ทำให้การฝั่งสายเพื่อให้ยาแบบเฉพาะเจาะจงที่เส้นประสาทในไขสันหลัง เป็นไปอย่างสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ “Intrathecal Drug Delivery Device Implant” ทั้งแบบกระเป๋าหิ้ว ซึ่งจะต่อสายให้ยาระงับปวดเข้าที่ไขสันหลังโดยอัตโนมัติ และแบบอุปกรณ์ฝังในร่างกายบริเวณช่องท้องของผู้ป่วย ซึ่งมีราคาสูงกว่าแบบกระเป๋าหิ้วหลายเท่าแต่ให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง มีความปลอดภัยมากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องคอยแทงเข็มฉีดยาบ่อยครั้งจึงช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อได้ดีกว่า

อ.นพ.มาร์วิน อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการใช้วิธีฝังสายเพื่อให้ยาทางช่องไขสันหลังแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิทยาการที่ให้ประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี นั่นคือการฉีดยาทำลายเส้นประสาทโดยใช้เอกซเรย์นำทางด้วยการใช้เครื่องเอกซเรย์ตรวจสอบตำแหน่งที่ถูกต้องและนำทางเข็มเเพื่อฉีดแอลกอฮอล์ ๑๐๐% ซึ่งมีฤทธิ์ในการทำลายเส้นประสาทเมื่อเส้นประสาทถูกทำงาน จึงทำให้การระงับปวดเป็นไปได้ดีขึ้นแต่ทั้งนี้เส้นประสาทจะสามารถกลับมาทำงานเป็นปกติได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี

อ.นพ.มาร์วิน กล่าวอีกด้วยว่า หลักในคลินิกระงับปวดที่โดดเด่นและแตกต่างจากสถาบันการแพทย์อื่นๆ คือการให้ความสำคัญกับหัตถการเพื่อระงับปวด (Intervention of Pain Treatment) เพื่อใหผู้ป่วยหลายรายไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ การให้ยาที่เป็นธรรมและการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองอย่างต่อเนื่อง (Palliative Care) ซึ่งเป็นรูปแบบของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมสำหรับผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่คุกคามต่อชีวิตไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเน้นการดูแลท้ั้งด้านร่างกายและจิตใจเพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังกายกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้าย และรับการรักษาต่อไปรวมถึงให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง ลดการพึ่งพาคนรอบข้างและดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขกับครอบครัวในระยะสุดท้ายก่อนจากไปด้วย