เสวนาวิชาการ “เป็นมะเร็งก็มีลูกได้”
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา เปิดเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “เป็นมะเร็งก็มีลูกได้” ทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรได้ประสบผลสำเร็จ โดยมี ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นประธาน มี รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ หัวหน้าฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา, ศ.นพ.นเรศร สุขเจริญ หัวหน้าสาขาวิชาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา, รศ.ดร.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศโรคมะเร็งครบวงจร, รศ.นพ.วิสันต์ เสรีภาพงศ์ หัวหน้าหน่วยชีววิทยาการเจริญพันธุ์ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา, รศ.พญ. ธาริณี แม่นชนะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา และ ผศ.พญ.พรทิพย์ สิรยาภิวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ร่วมการเสวนา เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ณ ห้องประชุมจรัญพัฒน์ ชั้น 6 อาคารอุปการเวชชกิจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
“เป็นมะเร็งก็มีลูกได้”
สืบเนื่องจากในปัจจุบันอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ส่งผลให้การรักษามะเร็งมีประสิทธิภาพดีขึ้นทำให้ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น รวมทั้งมีโอกาสหายจากมะเร็งได้ อย่างไรก็ตามการรักษามะเร็งด้วยวิธีมาตรฐาน เช่น การผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด มักส่งผลให้ผู้ป่วยทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงสูญเสียความสามารถในการเจริญพันธุ์และการมีบุตรภายหลังจากการรักษามะเร็งหายแล้ว หรือผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นมะเร็งแต่ต้องได้รับการรักษาด้วยรังสีรักษา หรือเคมีบำบัด ได้แก่ โรคทางระบบโลหิตวิทยา เช่น Systemic Lupus Erythematosus (SLE) เป็นต้น โดยผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงต่อภาวะรังไข่หยุดทำงานและอาจจะไม่สามารถมีบุตรได้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะศาสตร์ทางด้านเทคโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology; ART) ได้มีการพัฒนาวิธีการเก็บรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ (Fertility Preservation) ของผู้ป่วยก่อนการรักษามะเร็ง ตัวอย่างเช่น การกระตุ้นไข่แล้วทำการเก็บแช่แข็งไข่หรือตัวอ่อน รวมถึงเนื้อเยื่อรังไข่ในผู้ป่วยหญิง หรือ การเก็บแข่แข็งเชื้ออสุจิและเนื้อเยื่ออัณฑะในผู้ป่วยชาย หรือในกรณีที่เป็นผู้ป่วยหญิงแสดงอาการมะเร็งทางนรีเวช เช่น มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น สูตินรีแพทย์สามารถทำการผ่าตัดปากมดลูกโดยให้คงเหลือส่วนของมดลูกไว้สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตได้ โดยทางฝ่ายสูติศาสตร์นรีเวช
วิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มีตัวอย่างความสำเร็จของการรักษาความสามารถในการเจริญพันธุ์ด้วยวิธีดังกล่าวข้างต้น ได้แก่ กรณีศึกษาที่ 1 ในปี พ.ศ. 2558 สูตินรีแพทย์ ฝ่ายสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ให้คำปรึกษาและทำการรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมก่อนผู้ป่วยได้รับการรักษามะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัด ด้วยวิธีการกระตุ้นไข่และแช่แข็งตัวอ่อนที่ได้จากกระบวนการปฏิสนธิภายนอกร่างกายหรือเด็กหลอดแก้ว จากนั้นในปี พ.ศ. 2561 ภายหลังผู้ป่วยได้รับการรักษาจากโรคมะเร็งและหายเป็นปกติ ผู้ป่วยได้รับการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก สามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรที่เป็นทารกฝาแฝดซึ่งมีสุขภาพแข็งแรงได้ กรณีศึกษาที่ 2 เป็นผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้น และได้รับการผ่าตัดปากมดลูก ซึ่งต่อมาสามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรได้ จากตัวอย่างความสำเร็จดังกล่าว จะเห็นได้ว่าในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งและอยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์นั้น ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ก่อนทำการรักษามะเร็งด้วยวิธีมาตรฐาน โดยในปัจจุบันทางโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้เริ่มเปิดให้บริการทางการแพทย์ด้านการรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ในผู้ป่วยมะเร็ง หรือ Fertility Preservation Center อย่างเป็นทางการ โดยผู้ป่วยมะเร็งทั้งเพศชายและเพศหญิงที่ต้องการรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ สามารถติดต่อเพื่อเข้ารับคำปรึกษาและการบริการทางการแพทย์ได้ตามที่อยู่และเวลา ดังรายละเอียดต่อไปนี้
สถานที่ หน่วยชีววิทยาการเจริญพันธุ์ ตึกนวมินทราชินี ชั้น 11
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
- วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 น. – 15.00 น.
- วันเสาร์ – วันอาทิตย์และวันหยุดนขัตฤกษ์ เวลา 08.00 น. – 11.00 น.
โทรศัพท์ 02-256-4826 หรือ 081-722-2181