จับตา “ฝีดาษลิง” …โรคที่ยังไม่หายไปและอาจกระจายเป็นวงกว้าง

จับตา “ฝีดาษลิง” …โรคที่ยังไม่หายไปและอาจกระจายเป็นวงกว้าง

โรคฝีดาษลิง (Monkey MPOX) ยังคงเป็นโรคติดเชื้อที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และอาจกระจายเป็นวงกว้างได้ หากไม่มีการเฝ้าระวังหรือป้องกัน 

แม้โรคนี้จะมีอัตราเสียชีวิตต่ำ แต่เมื่อเป็นแล้วจะสร้างความเจ็บปวดทรมานให้แก่ร่างกายเป็นอย่างมาก

พาหะนำโรค สัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะต่าง ๆ เช่น กระรอก กระต่าย หนู 

การติดต่อของฝีดาษลิง

จากสัตว์สู่คน

– การสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ การข่วน

จากคนสู่คน

– การสัมผัสโดยตรงกับตุ่มหนอง 

– สัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยฝีดาษลิงที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม

– ติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งโดยตรงเวลามีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชายที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ

อาการของโรคฝีดาษลิง

ระยะแรก หลังจากรับเชื้อ และภายใน 5 วัน

ผู้ป่วยราว 60% มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เกิดภาวะต่อมน้ำเหลืองโต แต่ในผู้ป่วยบางคน อาจไม่มีอาการในระยะแรกก็ได้

ระยะที่สอง หลังจากมีไข้ 

มีผื่นหรือตุ่มแบนขึ้นตามตัว เช่น ใบหน้า แขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เยื่อบุตา เยื่อบุช่องปาก และอวัยวะเพศ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นผื่นนูนแสบคัน ตุ่มหนองแตก ซึ่งเป็นช่วงของการแพร่เชื้อต่อไปได้

การรักษา

– การรักษาตามอาการ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

– ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 2-4 สัปดาห์

-กรณีที่มีโรคประจำตัวที่ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำ อาจทำให้อาการของโรครุนแรง

การป้องกัน

– หมั่นล้างมือบ่อย ๆ 

– งดเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือในสถานที่เสี่ยง เช่น ซาวน่า

– การฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ซึ่งจะมีส่วนช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงได้

ข้อมูลโดย  รศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ
ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก
ข้อมูล ณ วันที่ 13 มกราคม 2567