อาการปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป

อาการปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป

โรคปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป (Medical overuse headache) เกิดจากการที่ผู้ป่วยใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการปวดศีรษะในปริมาณที่มากเกินไป เป็นผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะรุนแรงมากขึ้นในระยะเวลาต่อมา และมีความถี่ของอาการปวดศีรษะแทบทุกวัน ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะ
ต่อเนื่องนานเกิน 3 เดือน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติการใช้ยาแก้ป่วดในกลุ่มพาราเซตามอล หรือกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เกิน 15 วัน/ดือน หรือมีประวัติการใช้ยาแก้ปวดในกลุ่ม
เออร์โกตามีน ทรีปแทน หรือโอปีออยด์ เกิน 10 วัน/เดือน

อาการ

  1. อาการปวดศีรษะจะมีความถี่ขึ้น เมื่อใช้ยานานขึ้น
  2. ยาแก้ปวดที่ใช้มีประสิทธิภาพลดลง ที่เคยรับประทานแล้วหายปวดกลับไม่หายปวด
  3. อาการปวดศีรษะจะเกิดขึ้นภายหลังยาแก้ปวดหมดฤทธิ์
  4. ผู้ป่วยจะต้องใช้ขนาดยาแก้ปวดที่เพิ่มขึ้น
  5. ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะขณะนอนหลับร่วมด้วย เนื่องจากขาดยาในช่วงเวลานอนและทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ

วิธีป้องกันอาการปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป

  1. หยุดหรือลดปริมาณของยาแก้ปวดที่ใช้เกินขนาด
  2. ปรับรูปแบบการดำเนินชีวิต เช่น นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ลดภาวะเครียดหรือปัจจัยกระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ
  3. ในผู้ป่วยที่มีโรคปวดศีรษะอยู่เดิม เช่น โรคปวดศีรษะไมเกรน ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาการใช้ยาและป้องกันอาการปวดศีรษะที่เหมาะสม

ข้อมูล ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2564
ที่มา : อ. นพ.ประกิต อนุกูลวิทยา