โรคโควิด-19 สายพันธุ์ผสมในผู้ป่วย

โรคโควิด-19 สายพันธุ์ผสมในผู้ป่วย

ปัจจุบันโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) และแอลฟา (อังกฤษ) ที่แพร่ระบาดในประเทศไทย ทำให้จำนวนผู้ป่วยมีสูงมากขึ้น จึงเกิดกรณีการติดเชื้อโรคโควิด-19 ผสมสองสายพันธุ์ (Co-Infection) ที่ต้องมีความระมัดระวังอย่างสูง เพราะมีโอกาสเกิดการกลายพันธุ์ได้

ความเป็นไปได้ของโรคโควิด-19 ผสมสองสายพันธุ์

  • เชื้อโรคโควิด-19 สองสายพันธุ์อาจแบ่งตัวแลกส่วนพันธุกรรมกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่
  • เกิดขึ้นได้ในชุมชนที่มีไวรัสทั้งสองสายพันธุ์ระบาดอยู่ โดยเกิดการรับเชื้อพร้อมกัน เช่น รับเชื้อสายพันธุ์แอลฟา (อังกฤษ) จากบุคคลที่ 1 และสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จากบุคคลที่ 2
  • การเกิดโรคโควิด-19 ผสมสองสายพันธุ์ จากรายงานผู้ติดเชื้อผสมสองสายพันธุ์ทั้ง 7 คน (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2564) ยังไม่มีอาการของโรคที่แตกต่างจากการติดเชื้อปกติ

คำแนะนำจากแพทย์


โรคโควิด-19 สายพันธ์เดลตา (อินเดีย) แพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์แอลฟา (อังกฤษ) ถึง 1.4 เท่า ทำให้ขณะนี้สายพันธุ์เดลตา มีผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประมาณร้อยละ 70-80 ของประชากร โดยเชื้อที่อยู่ในลำคอจำนวนมาก จะแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ง่าย ดังนั้น ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล -2 เมตร ล้างมือเป็นประจำ ทั้งผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วและอยู่ระหว่างการรอฉีดวัคซีน

ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564
ที่มา : ศ. นพ.ยง ภู่วธวรรณ