วิธีดูแลตนเองของผู้มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ควรสังเกตอาการในช่วง 14 วันหลังมีประวัติเสี่ยง หากมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจหอบหนื่อย ควรมาพบแพทย์ ระหว่างสังเกตอาการ ควรปฏิบัติดังนี้
- อยู่ในห้องพักที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เปิดหน้าต่างให้มีการระบายอากาศที่ดีแยกจากสมาชิกคนอื่นในบ้าน โดยควรอยู่ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
- ล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกอฮอล์เจลเป็นประจำอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ปัสสาวะหรืออุจจาระ
- หากมีอาการไอ หรือจามต้องปิดปากและจมูกด้วยกระดาษชำระทุกครั้ง แล้วใส่ถุงพลาสติกและปิดปากถุงให้สนิทก่อนทิ้ง
- หลังจากนั้นต้องล้างมือทุกครั้ง ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น จาน ชาม ซ้อน ส้อม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ
- ทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัส เช่น เตียง โต๊ะ รวมถึงห้องน้ำ ด้วยน้ำยาฟอกขาว 5% โชดียมไฮปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วน ต่อน้ำ 99 ส่วน) กรณีพักรวมกับสมาชิกคนอื่นควรทำความสะอาดทุกวัน การทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าปูเตียงผ้าขนหนูสามารถซักด้วยผงชักฟอกธรรมดา หรือซักผ้าด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิน้ำ 60-90″C
- ควรฝาระวังอาการเจ็บป่วยในที่พัก เป็นระยะวลา 14 วัน หลังมีประวัติเสี่ยง และงดการเดินทางไปในที่ชุมชน
- ควรจำกัดผู้ที่จะติดต่อ/สัมผัสกับผู้ที่มีประวัติสงสัยเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้น้อยที่สุด และควรเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง
- สมาชิกในครอบครัว ควรเฝ้าระวังอาการเจ็บป่วยเช่นกัน หากมีอาการผิดปกติให้มาพบแพทย์
- การเดินทางมาโรงพยาบาลเมื่อมีอาการผิดปกติ ควรโดยสารรถยนต์ส่วนตัว และเปิดหน้าต่างรถยนต์ให้มีการระบายอากาศที่ดี เมื่อมาถึงโรงพยาบาลให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
ข้อมูล ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563
ที่มา : อ.พญ.วรรษมน จันทรเบญจกุล